วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ตอนที่ 1 : สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนการเดินทาง


สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนการเดินทาง

ลูกรัก หากชีวิต คือ การเดินทาง แล้ว สิ่งแรกที่เราคงต้องทำก่อนออกเดินทาง นั่นก็คือ การกำหนดเป้าหมายในการเดินทาง

แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เพราะ ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ ออกเดินทางไปโดยไม่รู้ว่า...ตนเองนั้นจะไปที่ใด 
พวกเขาเหล่านั้นอาจจะมีเพียงเป้าหมายกว้างๆเท่านั้น เช่น อยากไปให้ถึงความร่ำรวย อยากไปให้ถึงความสำเร็จ เป็นต้น

หลังจากนั้น พวกเขาก็ปล่อยให้ชีวิตของพวกเขาเป็นไปตาม ยะถากรรม พวกเขาใช้ชีวิตไปอย่างไร้จุดหมาย

ลูกลองนึกและจินตนาการดูว่า มีผู้คนมากมายที่ขับรถไปๆมาๆอย่างไร้จุดมุ่งหมาย พวกเขาได้แต่ขับไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะขับรถของพวกเขาไปที่ไหน โลกใบนี้จึงดูสับสนวุ่นวายไปหมด

ในที่สุดแล้วเมื่อรถของพวกเขาหยุดลง พวกเขาก็จะรู้ว่า... มันเป็นที่ๆพวกเขาไม่ได้ปรารถนาจะไปเลยแม้แต่น้อย 
ที่เจ็บช้ำยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกเขาเดินทางมาไกลมากแล้ว ทั้งน้ำมัน ทั้งสภาพรถและสภาพร่างกายของพวกเขานั้น มันสายเกินกว่าจะย้อนกลับ หรือไปยังที่ๆเขาอยากไปจริงๆเสียแล้ว

ซึ่งพ่อก็หวังว่า ลูกจะไม่ออกเดินทางไปเยี่ยงพวกเขาเหล่านั้น ขอให้ลูกจงจำไว้ว่า

เป้าหมายในชีวิตลูก ลูกต้องเป็นคนกำหนดด้วยตัวของลูกเอง

จงอย่ากลัวที่จะตั้งเป้าหมายที่ลูกต้องการจะไป ถึงแม้ว่าที่แห่งนั้นมันจะดูเหมือนว่าอยู่ไกลแสนไกลก็ตาม จงใช้ความปรารถนาของลูกนำทาง แล้วกำหนดเป้าหมายปลายทางของลูกให้ชัดเจน  ขอให้ลูกเชื่อมั่นว่า

ทุกๆที่ๆจิตใจของลูกสัมผัสได้ ลูกก็ไปถึงที่นั่นได้อย่างแน่นอน

พ่ออยากจะแนะนำให้ลูก ใช้เวลากับตัวเอง คิด ค้นหา ความฝันอันยิ่งใหญ่ของลูก ความฝันอันแสนจะท้าทายจิตใจของลูก ความฝันที่จะทำให้ลูกมีความสุข มีความภาคภูมิใจ เมื่อลูกสามารถพิชิตมันได้สำเร็จ และเมื่อลูกค้นพบมันแล้ว  ความลับอีกอย่างหนึ่งก็คือ

จงเขียนเป้าหมายของลูกออกมา แล้วเก็บไว้ในที่ๆลูกจะสามารถนำออกมาดูได้เสมอๆ โดยไม่ต้องบอกใครแม้แต่ พ่อและแม่

ลูกอาจสงสัยว่าทำไมจึงไม่ให้บอกใคร หลายๆคนอาจจะบอกกับลูกว่า “จงประกาศความฝันของลูกให้คนอื่นรับรู้” แต่สำหรับพ่อแล้วพ่อไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก

เพราะว่า ที่ๆลูกอยากไปนั้นมันอาจจะไม่ใช่ที่ๆคนอื่นอยากไป พวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายของลูก พวกเขาอาจจะห้ามและขัดขวางลูก เหมือนที่พ่อเคยพบเจอกับตัวพ่อเอง จนในที่สุดพ่อก็ผ่ายแพ้พวกเขาเหล่านั้น และไม่ได้ออกเดินทางตามหาความฝันของพ่อ ดังนั้น

จงทำมันให้เป็นความลับของลูก
ที่มีเพียงลูกและจิตใต้สำนึกของลูกเท่านั้นที่ล่วงรู้ความลับนี้

และเมื่อลูกได้ตั้งเป้าหมายของลูกแล้ว จงนึกถึงมันอยู่เสมอ จงปลูกมันลงในจิตใต้สำนึกของลูก แล้วเติมความปรารถนาอันแรงกล้าลงไป จดจ่อและจินตนาการถึงความสุขที่ลูกจะได้รับจากที่แห่งนั้น 

จนลูกรู้สึกว่า ลูกแทบจะทนรอให้ถึงช่วงเวลาที่จะออกเดินทางในตอนเช้าไม่ไหวเลยทีเดียว


............................................................................................

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ตอนที่ 2 : เริ่มการเดินทาง...ขับออกไปเลย!

เริ่มการเดินทาง...ขับออกไปเลย!

ลูกรักของพ่อ เมื่อลูกรู้อย่างแน่ชัดถึง “จุดหมายปลายทาง” ของลูกแล้ว ก็คงถึงเวลาที่ลูกต้องออกเดินทาง และ การเดินทางครั้งนี้ มันจะเป็นการเดินทางไกลครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของลูก ลูกมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ 

หนึ่ง-ลูกจะเดินทางไปกับรถยนต์ของคนอื่น หรือ สอง-ลูกขับรถยนต์ของลูกไปเอง

พ่อกำลังหมายถึง งานที่ลูกจะเลือกทำ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ลูกฝัน ซึ่งพ่อจะบอกให้ลูกรู้ว่า งานในโลกนี้มีเพียงแค่ 2 ประเภทเท่านั้น คือ “ลูกจ้าง” กับ “นักธุรกิจ”

หากลูกเลือกที่จะเป็น “ลูกจ้าง” ก็เหมือนกับว่า ลูกกำลังเดินทางไปบนถนนชีวิตในรถยนต์ของคนอื่น และในเมื่อมันเป็นรถยนต์ของคนอื่น เขาก็ย่อมจะมีสิทธิ์เป็นผู้กำหนดเส้นทาง ที่แน่ๆเขาย่อมจะเดินทางไปยังที่ๆเขาต้องการจะไป และมันย่อมไม่ใช่ที่ๆเดียวกันกับที่ลูกจะไปอย่างแน่นอน

จงจำไว้ว่า การจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางของลูกนั้น ลูกต้องไม่ไปอยู่ใต้หลังคาของรถยนต์ผู้อื่นเด็ดขาด

และถ้าลูกเลือกที่จะเป็น “นักธุรกิจ” แล้วละก็ ลูกก็ต้องตระหนักถึงความจริงที่ว่า ลูกจะต้องเป็นผู้รับภาระ และรับผิดชอบต่อการเดินทางของลูกตลอดเส้นทาง ที่สำคัญที่สุด ลูกจะต้องพบกับสถานการณ์ที่ลูกต้อง “ตัดสินใจ” ตลอดเวลา

ดังนั้น พ่อจึงอยากให้ลูกจำคำของพ่อไว้ว่า ลูกต้องกล้าตัดสินใจ และจงเชื่อสัญชาตญาณของลูก เพราะถ้าหากว่า เป้าหมายปลายทาง คือ ความฝันที่แท้จริงของลูกแล้ว จิตวิญญาณของลูกจะช่วยนำทางลูกไปเอง        

ถึงแม้ภายหลังลูกพบว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิด ก็ยังดีกว่าการที่ลูก ไม่ยอมตัดสินใจ หรือ ตัดสินใจช้าเกินไป อย่างแน่นอน ดั่งคำสอนของผู้ที่พ่อนับถือมากๆท่านหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า “ความลังเลใจ เป็นหายนะของชีวิต”

ลูกรัก ถ้าหากลูกยังคิดว่า ลูกยังขับรถไม่เป็น หรือ ยังขับรถเก่ง แล้ว ขอลูกอย่าได้กังวลใจไปเลย เพราะนี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของลูก ที่ลูกจะได้สร้างสมประสบการณ์อย่างรวดเร็ว

อย่าคิดรอคอยเวลา หรือ รอให้ถึงตอนที่ลูกมีความพร้อมมากกว่านี้เสียก่อนแล้วจึงจะออกเดินทาง เพราะทั้งหมดที่ลูกต้องทำในตอนนี้ก็เพียง “ขับมันออกไป” เท่านั้น

จงจำไว้ว่า “เวลาแห่งความพร้อมสมบูรณ์ไม่เคยมาถึงจริง”

  พ่ออยากจะบอกให้ลูกรู้ว่า การทำธุรกิจนั้นมันก็เหมือนกับการขับรถนี้แหละ ลูกต้องรู้สึกสนุกไปกับมัน อย่าเครียด อย่ากังวลใจ เพราะเหตุที่ว่า มันไม่มีอะไรที่ยากจริงๆเลยสักอย่างเดียวในโลกนี้ ที่อาจจะมีบ้างก็เพียง เรายังไม่คุ้นเคยกับมันเท่านั้น

 จงสนุกไปกับ “ธุรกิจของลูก” ให้เหมือนกับว่า ลูกกำลังเล่นเกมส์ที่ลูกชอบอยู่

การขับรถนั้น มันไม่มีอะไรที่ซับซ้อนหรอก ถ้าจะเปลี่ยนทิศทางการเดินรถ ลูกก็เพียงหมุนพวงมาลัยรถไป “ทางซ้าย” หรือหมุนไป “ทางขวา” เท่านั้น หรือถ้าลูกจะควบคุมความเร็ว ลูกก็เพียงการ “กดคันเร่งลงไป” หรือ “ผ่อนคันเร่งขึ้นมา” และลูกก็แค่ใส่เกียร์ “เดินหน้า” หรือเกียร์ “ถอยหลัง” ทั้งหมดก็มีเพียงแค่นี้

ขับออกไปเลย เดี๋ยวลูกก็จะคุ้นเคยกับมันเอง พ่อขอย้ำอีกครั้งว่า จงสนุกไปกับมัน หมุนพวงมาลัยรถมุ่งตรงสู่เป้าหมายของลูกเลย

ซึ่งในเรื่อง การเดินหน้าและถอยหลัง นี้ พ่ออยากจะบอกความลับให้ลูกฟังว่า เมื่อลูกขับรถไปบนถนนชีวิต ลูกจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้เกียร์ถอยหลังเลยจริงๆ

ดังนั้น อย่ากลัวว่าจะถอยหลังไม่เป็น จนไม่กล้าแม้แต่จะขับรถออกไป เหมือนคนหลายๆคน เพราะบางทีตลอดการเดินทางของลูกนั้น ลูกอาจจะไม่ได้ใช้ “เกียร์ถอยหลัง” เลยก็เป็นได้

สตาร์ทรถแล้วออกเดินทางตามความฝันของลูกเถิด ลูกทำได้ เชื่อพ่อซิ!